NỘI DUNG TÓM TẮT
ฟังก์ชั่น If หลายทางเลือก
การใช้งานฟังก์ชั่น if หลายทางเลือกในการแก้ปัญหา:
ฟังก์ชั่น if หลายทางเลือกมักถูกใช้ในการแก้ปัญหาที่มีน้ำหนักมาก โดยต้องดำเนินการตามเงื่อนไขที่สอดคล้องกับการทำงานที่ต้องการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและตามที่คาดหวัง
ข้อกำหนดเงื่อนไขสำหรับฟังก์ชั่น if หลายทางเลือก:
ในการใช้งานฟังก์ชั่น if หลายทางเลือกเราจะต้องระบุเงื่อนไขในรูปแบบของ Boolean Expression ซึ่งทำหน้าที่เปรียบเทียบค่าที่เรากำหนดกับค่าที่มีอยู่แล้ว และเพื่อให้เงื่อนไขที่กำหนดสมเหตุสมผล เราสามารถใช้สัญลักษณ์เช่น ==, !=, >, <, >=, และ <= เป็นต้นไป
การสร้างเงื่อนไขแบบ if หลายทางเลือก:
เราสามารถสร้างเงื่อนไขแบบ if หลายทางเลือกได้โดยใช้คำสั่ง if, elif, และ else ในการกำหนดไล่ลงมาตามลำดับของเงื่อนไข ซึ่งโครงสร้างของคำสั่ง if หลายทางเลือกจะมีลักษณะดังนี้:
```
if เงื่อนไขที่ 1:
กระบวนการที่จะทำงานเมื่อเงื่อนไขที่ 1 เป็นจริง
elif เงื่อนไขที่ 2:
กระบวนการที่จะทำงานเมื่อเงื่อนไขที่ 2 เป็นจริง
else:
กระบวนการที่จะทำงานเมื่อทุกเงื่อนไขไม่เป็นจริง
```
โดยคำสั่ง if จะเป็นเงื่อนไขในการทำงานเบื้องต้น ถ้าเงื่อนไขที่กำหนดเป็นจริง ระบบจะดำเนินการตามกระบวนการที่ถูกต้อง หากไม่เป็นจริง โปรแกรมจะตรวจสอบเงื่อนไขถัดไปที่กำหนดเพื่อหาว่าเป็นจริงหรือไม่ และกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบเงื่อนไขที่เป็นจริงหรือถึงส่วน else ที่จะถูกเรียกในกรณีที่ไม่มีเงื่อนไขใดเป็นจริงทั้งหมด
การใช้ elif ในฟังก์ชั่น if หลายทางเลือก:
การใช้ elif ในฟังก์ชั่น if หลายทางเลือกนั้นอนุญาตให้เรากำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชั่น if ได้ ถ้าเงื่อนไขที่แรกไม่เป็นจริง ระบบจะตรวจสอบเงื่อนไขที่สอง และหากเป็นจริงระบบจะดำเนินการตามกระบวนการที่กำหนด แต่ถ้าไม่เป็นจริงระบบจะวนกลับมาตรวจสอบเงื่อนไขอื่นๆ ที่เพิ่มเติม ซึ่งเราสามารถใช้ elif ได้หลายส่วนตามความต้องการ
การใช้งานฟังก์ชั่น if หลายทางเลือกผสมกับฟังก์ชั่นอื่น ๆ:
ฟังก์ชั่น if หลายทางเลือกสามารถใช้ร่วมกับฟังก์ชั่นอื่น ๆ เพื่อควบคุมกระบวนการทำงานตามเงื่อนไขต่างๆ ได้ เช่น เราสามารถใช้ฟังก์ชั่น if หลายทางเลือกเพื่อเช็คสถานะของข้อมูลและทำงานตามเงื่อนไขในฟังก์ชั่นอื่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
สัญลักษณ์เงื่อนไขเพิ่มเติมในฟังก์ชั่น if หลายทางเลือก:
นอกเหนือจากสัญลักษณ์ในการกำหนดเงื่อนไขเบื้องต้น เช่น >, <, ==, เรายังสามารถใช้เครื่องหมายตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเติมในฟังก์ชั่น if หลายทางเลือกได้อีก ทำให้เราสามารถกำหนดเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น และควบคุมกระบวนการในบล็อกของเงื่อนไข if ได้มากขึ้นตามความต้องการ
ฟังก์ชั่น if else excel:
ฟังก์ชั่น if else ใน excel เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ในการตรวจสอบเงื่อนไขและดำเนินการตามค่าที่กำหนด โดยมีรูปแบบดังนี้:
```
=IF(เงื่อนไข, ค่าถ้าเป็นจริง, ค่าถ้าเป็นเท็จ)
```
ฟังก์ชั่น if-else นี้ใช้กับเงื่อนไขใดก็ได้ โดยเงื่อนไขที่เป็นจริงจะทำให้ค่าถ้าเป็นจริงถูกต้องถูกนำออกมา ส่วนค่าถ้าเป็นเท็จจะทำให้ค่าถ้าเป็นเท็จถูกนำออกมา
การเขียนฟังก์ชั่นในลักษณะ if-else-if ใช้กับเงื่อนไขแบบใด:
การเขียนฟังก์ชั่นในลักษณะ if-else-if นั้นสามารถใช้กับเงื่อนไขแบบใดก็ได้ ตัวอย่างเช่น:
```
if เงื่อนไขที่ 1:
กระบวนการที่จะทำงานเมื่อเงื่อนไขที่ 1 เป็นจริง
elif เงื่อนไขที่ 2:
กระบวนการที่จะทำงานเมื่อเงื่อนไขที่ 2 เป็นจริง
elif เงื่อนไขที่ 3:
กระบวนการที่จะทำงานเมื่อเงื่อนไขที่ 3 เป็นจริง
else:
กระบวนการที่จะทำงานเมื่อทุกเงื่อนไขไม่เป็นจริง
```
ในกรณีนี้เราสามารถกำหนดเงื่อนไขให้มากกว่าสองตัวได้ ซึ่งระบบจะดำเนินการตามลำดับของเงื่อนไขจากบนลงล่างและทำกระบวนการที่ถูกต้องตามนั้น
อธิบายการทำงานของฟังก์ชัน if หลายทางเลือก:
เมื่อมีการเรียกใช้ฟังก์ชั่น if หลายทางเลือก ระบบจะทำการตรวจสอบเงื่อนไขที่กำหนดในบล็อกของ if ตามลำดับจากบนลงล่าง ถ้าเงื่อนไขที่กำหนดเป็นจริง ระบบจะดำเนินการตามกระบวนการที่กำหนดทันทีและสิ้นสุดฟังก์ชั่น if นั้น แต่ถ้าไม่เป็นจริงระบบจะวนกลับไปตรวจสอบเงื่อนไขถัดไปที่กำหนด ถ้ามีเงื่อนไขใดเป็นจริงระบบจะดำเนินการ
สูตร Excel If 3 เงื่อนไข เรียนรู้วิธีการใช้สูตร Excel If 3 เงื่อนไข ทำอย่างไร
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: ฟังก์ชั่น if หลายทางเลือก ฟังก์ชั่น if else excel, ฟังก์ชั่น if-else ใช้กับเงื่อนไขแบบใด, การเขียนฟังก์ชั่นในลักษณะ if-else-if ใช้กับเงื่อนไขแบบใด, ฟังก์ชั่น if excel, อธิบายการทำงานของฟังก์ชัน if หลายทางเลือก, การตรวจสอบเงื่อนไขหลัง if จะเป็นอย่างไร, คำสั่งต่าง ๆ ภายในบล็อกของเงื่อนไข if มีได้จำนวนเท่าใด, ประโยคหลัง if ต้องให้ผลลัพธ์เป็นจริงหรือเท็จเท่านั้น
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ฟังก์ชั่น if หลายทางเลือก

หมวดหมู่: Top 93 ฟังก์ชั่น If หลายทางเลือก
ดูเพิ่มเติมที่นี่: themtraicay.com
ฟังก์ชั่น If Else Excel
ฟังก์ชั่น if else เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ในการตรวจสอบเงื่อนไขในเซลของ Excel ก่อนจะทำการประมวลผลคำสั่งต่อไป ฟังก์ชั่น if else มีสัญลักษณ์ดังนี้:
=IF(เงื่อนไขที่ต้องการตรวจสอบ, ค่าที่จะแสดงถ้าเงื่อนไขเป็นจริง, ค่าที่จะแสดงถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ)
ในกรณีที่เงื่อนไขที่ต้องการตรวจสอบเป็นจริง (True) Excel จะแสดงค่าที่กำหนดในพารามิเตอร์ตัวที่สอง และในกรณีที่เงื่อนไขที่ต้องการตรวจสอบเป็นเท็จ (False) Excel จะแสดงค่าที่กำหนดในพารามิเตอร์ตัวที่สาม
ตัวอย่างการใช้งาน:
สมมุติว่าเราต้องการสร้างรายการนิสิตในตาราง Excel ที่ให้แสดงผลตามเกณฑ์คะแนน ถ้าคะแนนน้อยกว่า 50 จะแสดงคำว่า “ไม่ผ่าน” และถ้าคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 50 จะแสดงคำว่า “ผ่าน” ดังนั้นเราสามารถใช้ฟังก์ชั่น if else ใน Excel เพื่อทำงานดังกล่าวได้
ในเซล A2 เราจะกรอกคะแนนของนิสิต
ในเซล B2 เราจะใช้ฟังก์ชั่น if else ดังนี้: =IF(A2>=50, “ผ่าน”, “ไม่ผ่าน”)
เราต้องการให้ผลลัพธ์แสดงคำว่า “ผ่าน” ถ้าคะแนนในเซล A2 มากกว่าหรือเท่ากับ 50 และให้แสดงคำว่า “ไม่ผ่าน” ถ้าคะแนนในเซล A2 น้อยกว่า 50
ทีนี้เมื่อเรากรอกคะแนนลงในเซล A2 แล้ว Excel จะทำการตรวจสอบเงื่อนไขที่กำหนด และแสดงคำว่า “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” ในเซล B2 ตามที่เราต้องการ
ฟังก์ชั่น if else ใน Excel ยังสามารถใช้เชื่อมต่อกับฟังก์ชั่นอื่น ๆ เพื่อทำให้กระบวนการการคำนวณออกมามีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ดังนี้:
ในเซล C2 เราจะกรอกคะแนนสอบปลายภาค
ในเซล D2 เราจะใช้ฟังก์ชั่น if else ร่วมกับฟังก์ชั่น SUM ดังนี้: =IF(C2>=50, SUM(A2, B2), B2)
ตัวอย่างกล่าวว่าถ้าคะแนนสอบปลายภาค (เซล C2) มากกว่าหรือเท่ากับ 50 ฟังก์ชั่น if else จะทำการบวกคะแนนในเซล A2 และ B2 ด้วยฟังก์ชั่น SUM แต่ถ้าคะแนนสอบปลายภาคน้อยกว่า 50 ฟังก์ชั่น if else จะแสดงค่าในเซล B2 เหมือนเดิม
ในบทสุดท้ายของบทความนี้ ลองมาดูกันบางคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟังก์ชั่น if else ใน Excel
คำถามที่ 1: ฉันสามารถเชื่อมต่อฟังก์ชั่น if else ได้กับฟังก์ชั่นอื่น ๆ อีกไหม?
คำตอบ: ใช่แน่นอน! ฟังก์ชั่น if else ใน Excel มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมในการเชื่อมต่อกับฟังก์ชั่นอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขและทำการประมวลผลข้อมูลให้ตรงตามที่คุณต้องการ
คำถามที่ 2: ฉันสามารถใช้ฟังก์ชั่น if else กับเงื่อนไขที่มีมากกว่า 2 ค่าได้หรือไม่?
คำตอบ: ใช่! ฟังก์ชั่น if else ใน Excel สามารถทำงานกับเงื่อนไขที่มีมากกว่า 2 ค่าได้ โดยการซ้อนฟังก์ชั่น if else หลายครั้ง ดังนั้นคุณสามารถกำหนดเงื่อนไขด้วยจำนวนครั้งที่ต้องการเพื่อให้กระบวนการคำนวณมีความยืดหยุ่นและหลากหลาย
คำถามที่ 3: มีฟังก์ชั่นอื่นที่ทำงานเหมือนกับฟังก์ชั่น if else ใน Excel ไหม?
คำตอบ: ใน Excel ยังมีฟังก์ชั่นที่คล้ายคลึงกับฟังก์ชั่น if else อยู่หลายฟังก์ชั่น เช่น SWITCH, CHOOSE เป็นต้น แต่ฟังก์ชั่น if else เป็นฟังก์ชั่นที่มีการใช้งานและเข้าใจได้ง่าย จึงเป็นที่นิยมในการใช้งานใน Excel
การใช้งาน ฟังก์ชั่น if else ใน Excel เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการควบคุมกระบวนการการคำนวณข้อมูลในโปรแกรม นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อกับฟังก์ชั่นอื่น ๆ เพื่อทำให้กระบวนการทำงานอยู่ในรูปแบบที่คุณต้องการ ไม่ใช่เพียงแค่ตรวจสอบเงื่อนไขเท่านั้น ดังนั้นฟังก์ชั่น if else ยังควรจะเป็นอีกคำรับรู้หนึ่งของวิธีในการใช้งาน Excel อย่างมีประสิทธิภาพ
ฟังก์ชั่น If-Else ใช้กับเงื่อนไขแบบใด
ในโปรแกรมมิ่ง, ฟังก์ชั่น if-else เป็นหนึ่งในโครงสร้างควบคุมที่สำคัญที่ช่วยให้โปรแกรมสามารถทำงานตามเงื่อนไขที่ต้องการได้ ฟังก์ชั่นนี้ช่วยให้โปรแกรมสามารถตรวจสอบและดำเนินการตามเงื่อนไขที่ผู้ใช้ได้กำหนดไว้ โดยการใช้คำสั่ง if เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขที่กำหนดไว้ และคำสั่ง else เพื่อกำหนดการทำงานเมื่อเงื่อนไขใน if ไม่เป็นจริง
การใช้งานฟังก์ชั่น if-else ไม่ยากเมื่อเราเข้าใจหลักการทำงานของมัน ดังนั้นเรามาลงรายละเอียดเกี่ยวกับฟังก์ชั่นนี้ในบทความนี้
หลักการทำงานของฟังก์ชั่น if-else
ฟังก์ชั่น if-else ทำงานตามหลักการวงจรไฟฟ้าเบื้องต้นที่ใช้ในการตัดสินใจ โดยจะตรวจสอบเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน if เพื่อดูว่าเงื่อนไขนั้นเป็นจริงหรือไม่ ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงก็จะทำงานในบล็อกคำสั่งที่อยู่ภายใต้ if แต่ถ้าเงื่อนไขไม่เป็นจริงก็จะข้ามไปทำงานในบล็อกคำสั่งที่อยู่ภายใต้ else
โครงสร้างการใช้งานอย่างง่ายของ if-else มีดังนี้:
if (เงื่อนไข) {
//บล็อกคำสั่งที่จะทำงานถ้าเงื่อนไขเป็นจริง
} else {
//บล็อกคำสั่งที่จะทำงานถ้าเงื่อนไขไม่เป็นจริง
}
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่น if-else
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นเรามาดูตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่น if-else ในโปรแกรมง่าย ๆ ต่อไปนี้
คุณมีตัวแปรอาร์เรย์ชื่อ fruits ที่เก็บชื่อผลไม้ต่าง ๆ และต้องการตรวจสอบว่ามีผลไม้ที่ชื่อ “ส้ม” อยู่ในตัวแปรนี้หรือไม่ ถ้ามีก็ให้แสดงข้อความ “มีส้มอยู่ในตระกร้าผลไม้” แต่ถ้าไม่มีก็ให้แสดงข้อความ “ไม่มีส้มอยู่ในตระกร้าผลไม้”
เพื่อทำการตรวจสอบสิ่งที่ถูกกล่าวมาเราสามารถเขียนโปรแกรมดังนี้ได้:
var fruits = [“แอปเปิ้ล”, “ส้ม”, “กล้วย”];
if (fruits.includes(“ส้ม”)) {
console.log(“มีส้มอยู่ในตระกร้าผลไม้”);
} else {
console.log(“ไม่มีส้มอยู่ในตระกร้าผลไม้”);
}
ในตัวอย่างด้านบน เราใช้เงื่อนไข fruits.includes(“ส้ม”) เพื่อตรวจสอบว่าอาร์เรย์ fruits มีค่า “ส้ม” หรือไม่ ถ้ามีเงื่อนไขจะเป็นจริง และโปรแกรมจะแสดงผลลัพธ์ว่า “มีส้มอยู่ในตระกร้าผลไม้” ถ้าเงื่อนไขไม่เป็นจริง โปรแกรมจะแสดงผลลัพธ์ว่า “ไม่มีส้มอยู่ในตระกร้าผลไม้”
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟังก์ชั่น if-else
1. การฝึกฝนในการใช้งานฟังก์ชั่น if-else โปรแกรมแบบใดที่แนะนำให้ลองทำ?
การใช้งานฟังก์ชั่น if-else ทำงานร่วมกับเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น เช็คค่าจาก input ที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามา หรือเช็คค่าของตัวแปรในโปรแกรม เป็นต้น คุณสามารถฝึกฝนการใช้งานโดยจับตัวอย่างเหล่านี้และพัฒนาโปรแกรมตามความต้องการของคุณ
2. ฟังก์ชั่น if-else สามารถมีงานในบล็อกคำสั่งเกินได้หรือไม่?
ในฟังก์ชั่น if-else สามารถมีบล็อกคำสั่งเพิ่มเติมภายใต้ else ได้โดยเป็นฟังก์ชั่น if-else ซ้อนกันเพื่อตรวจสอบเงื่อนไขแบบหลาย ๆ รูปแบบ
3. มีฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่ใช้แทนกับฟังก์ชั่น if-else ได้หรือไม่?
ในบางกรณี ฟังก์ชั่น switch-case อาจถูกใช้แทนที่ฟังก์ชั่น if-else ได้ โดยเราสามารถเลือกใช้บล็อกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขที่ต้องการได้อย่างยืดหยุ่น
4. ฟังก์ชั่น if-else สามารถมีเงื่อนไขได้เพียงเงื่อนไขเดียวหรือไม่?
ฟังก์ชั่น if-else สามารถมีเงื่อนไขได้มากกว่าหนึ่งเงื่อนไข โดยการเปรียบเทียบค่าที่ไม่จำเป็นต้องเป็นค่าหรือประเภทข้อมูลเดียวกันก็ได้
สรุป
ฟังก์ชั่น if-else เป็นโครงสร้างควบคุมที่สำคัญในการทำงานของโปรแกรม โดยใช้เงื่อนไขที่กำหนดใน if เพื่อตรวจสอบว่าเงื่อนไขนั้นเป็นจริงหรือไม่ และจะทำงานในบล็อกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขที่ตรวจสอบ และหากเงื่อนไขไม่เป็นจริง โปรแกรมจะทำงานในบล็อกคำสั่งที่อยู่ภายใต้ else
การใช้งานฟังก์ชั่น if-else นั้นสามารถประยุกต์ใช้กับเงื่อนไขแต่ละประเภท และสามารถฝึกฝนการใช้งานได้ด้วยการพัฒนาโปรแกรมตามความต้องการของคุณครอบคลุมถึงคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟังก์ชั่น if-else อีกด้วย
การเขียนฟังก์ชั่นในลักษณะ If-Else-If ใช้กับเงื่อนไขแบบใด
การเขียนฟังก์ชั่นเป็นกระบวนการที่สำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องจัดการกับเงื่อนไขที่ต่างกันไปตามบทบาทของชุดคำสั่งที่ต้องทำงานร่วมกัน ในบทความนี้เราจะสนใจวิธีการเขียนฟังก์ชั่นที่ใช้โครงสร้าง if-else-if เพื่อทำงานกับเงื่อนไขที่ระบุไว้ในฟังก์ชั่น
โครงสร้าง if-else-if เป็นวิธีการเขียนเงื่อนไขที่กระชับและยืดหยุ่น โดยเราสามารถระบุเงื่อนไขหลายๆ อย่างในบล็อกของ if-else-if เพื่อให้โปรแกรมทำงานตามลำดับของเงื่อนไขเหล่านั้น ดังนั้นเราสามารถการันตีได้ว่าแค่เพียงเงื่อนไขเดียวจะถูกทดสอบในแต่ละครั้งในโปรแกรม
เริ่มต้นด้วย if ที่เป็นส่วนภายในฟังก์ชั่น นั่นคือคำสั่งที่จะถูกดำเนินการในกรณีที่เงื่อนไขที่ระบุเป็นจริง ฟอร์แมตของ if จะมีรูปแบบดังนี้:
“`python
if condition:
# กระบวนการที่จะทำงานเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง
“`
หากเงื่อนไขของ if เป็นเท็จ โปรแกรมจะข้ามหมายเลขบรรทัดนี้และดำเนินการต่อไปยังบล็อกถัดไปของโครงสร้าง if-else-if
ในกรณีที่เราต้องการระบุเงื่อนไขที่ต่างกันเป็นอย่างน้อยสองเงื่อนไข โครงสร้าง if-else-if จะเขียนได้ดังนี้:
“`python
if condition1:
# กระบวนการที่จะทำงานเมื่อเงื่อนไข 1 เป็นจริง
elif condition2:
# กระบวนการที่จะทำงานเมื่อเงื่อนไข 2 เป็นจริง
else:
# กระบวนการที่จะทำงานเมื่อไม่มีเงื่อนไขใดเป็นจริง
“`
– คำสั่ง elif ที่มาแต่ละครั้งสามารถทดสอบเงื่อนไขผ่านและดำเนินการในกรณีที่มีเงื่อนไขก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้อง
– และคำสั่ง else จะถูกดำเนินการเมื่อไม่มีเงื่อนไขใดทั้งสิ้นที่เป็นจริงในฟังก์ชั่น if-else-if
นี่คือตัวอย่างของฟังก์ชั่น if-else-if ที่เขียนเพื่อหาคำตอบว่าเลขที่กำหนดในอาร์กิวเมนต์ของฟังก์ชั่นเป็นค่าเลขคู่หรือค่าเลขคี่:
“`python
def check_number_type(number):
if number % 2 == 0:
return “ค่าเลขคู่”
elif number % 2 != 0:
return “ค่าเลขคี่”
else:
return “ไม่สามารถตรวจสอบได้”
number = 5
result = check_number_type(number)
print(result) # ค่าเลขคี่
“`
ในตัวอย่างข้างต้น เราสามารถระบุเงื่อนไขผ่าน if, elif, และ else เพื่อเขียนฟังก์ชั่นที่ตรวจสอบว่าเลขที่รับเข้ามาเป็นค่าเลขคู่หรือค่าเลขคี่
การเขียนฟังก์ชั่นในลักษณะ if-else-if สามารถประยุกต์ใช้กับการเขียนโปรแกรมทางธุรกิจ หรือโปรแกรมที่มีความซับซ้อนในการตัดสินใจหลายๆ ประเภท โดยเพียงแค่ระบุเงื่อนไขและกระบวนการที่ต้องการให้โปรแกรมดำเนินการเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง
FAQs:
1. Q: แบบฟังก์ชั่น if-else-if สามารถใช้เงื่อนไขได้อย่างไรบ้าง?
A: แบบฟังก์ชั่น if-else-if สามารถใช้เงื่อนไขที่จะคืนค่าเป็นตรรกศาสตร์หรือนิพจน์ทางคณิตศาสตร์ได้, เช่น เทียบเท่า (==), ลอจิกและ (and), ลอจิกหรือ (or), เป็นต้น
2. Q: ใช้ if-else-if แทนการใช้งานเงื่อนไขแบบเงื่อนไข (nested if) ได้ไหม?
A: ใช่, if-else-if สามารถใช้แทนการใช้งานเงื่อนไขแบบเงื่อนไข (nested if) ได้ ซึ่งจะช่วยให้โค้ดสามารถอ่านและแก้ไขได้ง่ายขึ้น
3. Q: ฟังก์ชั่น if-else-if สามารถมีเงื่อนไขมากกว่าสองเงื่อนไขได้หรือไม่?
A: ใช่, ฟังก์ชั่น if-else-if สามารถมีเงื่อนไขมากกว่าสองเงื่อนไขได้ โดยการประกาศเงื่อนไขอื่นๆ ด้วยคำสั่ง elif
ผู้เขียนโดย: OpenAI
มี 43 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ฟังก์ชั่น if หลายทางเลือก.














































![8 เทคนิค Excel ดึงข้อมูลแบบหลายเงื่อนไข [Multiple Criteria Lookup] – วิศวกรรีพอร์ต 8 เทคนิค Excel ดึงข้อมูลแบบหลายเงื่อนไข [Multiple Criteria Lookup] – วิศวกรรีพอร์ต](https://i0.wp.com/reportingengineer.com/wp-content/uploads/2021/02/Picture_1200x800_WordPress_210211.jpg?fit=1200%2C800&ssl=1)


ลิงค์บทความ: ฟังก์ชั่น if หลายทางเลือก.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ ฟังก์ชั่น if หลายทางเลือก.
- ฟังก์ชัน if ตรวจสอบเงื่อนไขทางเลือกเดียว
- ฟังก์ชัน if หลายทางเลือก
- ฟังก์ชัน if สองทางเลือก
- ฟังก์ชัน if ทางเลือกเดียว การทางานของฟังก์ชันก
- ฟังก์ชัน IF คือสูตรที่ซ้อนกันและการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด
- IF (ฟังก์ชัน IF) – ฝ่ายสนับสนุนของ Microsoft
- ฟังก์ชั่น If ทางเลือกเดียว – SlideShare
- ฟังก์ชัน if ตรวจสอบเงื่อนไขหลายทางเลือก – ภาษา DEV C
- เจาะลึกสูตร IF ใน Excel – เทพเอ็กเซล
ดูเพิ่มเติม: https://themtraicay.com/category/facts-first